วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

เทศกาลในญี่ปุ่น

ฤดูร้อน
เทศกาลทานาบะตะ (Tanabata Festival)


   วันที่ 7 เดือน 7 เป็นวันของเทศกาล ทานาบาตะ หรือ TANABATA หรือจะเรียกว่าการเฉลิมฉลอง Hoshi (ดาว) ทานาบาตะ Tanabata ( Seven Evening) เทศกาลของ หญิงทอผ้ากับชาย เลี้ยงวัว เป็นเรื่องที่ญี่ปุ่นเอามาจากจีน เรื่องเล่านี้มีมาตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ถังในประเทศจีน (ค.ศ. 618-906) เป็นเรื่องของดาวสองดวง คือ Orihime ( Weaves cloths) กับ Hikohoshi ( who breeds cattle in the heaven ) เป็นวันที่ดาวที่สว่างที่สุดสองดวงนี้จะมาพบกัน ปกติดาวทั้งสองจะอยู่คนละฝากของทางช้างเผือก มันจะมาใกล้กันที่สุดก็คือในคืนวัน Tanabata นี่แหละ



เรื่องเล่าก็มีอยู่ว่า ...นานมาแล้ว มี Emperor ที่มีลูกสาวอยู่คนนึงที่ชื่อว่า Orihime หรือเจ้าหญิงทอผ้านั่นแหละ ทั้งสองอาศัยอยู่ในปราสาทบนฝั่งตะวันออกของทางช้างเผือก หรือแม่น้ำแห่งสวรรค์ เจ้าหญิง Orihime ใช้เวลาของเธอไปกับการทอผ้าให้กับพระบิดา จึงถูกเรียกว่า The Weaver หรือสาวทอผ้าEmperor ได้ข่าวว่าที่อีกฝากของทางช้างเผือกมีชายหนุ่มที่กล้าหาญและหล่อเหลาที่ชื่อว่า Hikohoshiอาศัยอยู่ จึงอยากให้บุตรีของตนได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้นี้ยิ่งนัก Emperor จึงได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน เมื่อทั้งสองได้พบกัน เขาทั้งสองก็รักกันเข้า สมใจ Emperor แต่ติดปัญหาอยู่ที่ เจ้าหญิงรัก ชายหนุ่มมากซะจนไม่เป็นอันทอผ้า Emperor โกรธยิ่งนัก จึงไม่อนุญาติให้ทั้งสองพบกันอีก ทั้งสองจะพบกันได้ก็แต่เพียงในคืนของวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปีเท่านั้น ชายหนุ่มและหญิงสาว เศร้ามาก ได้แต่คอยนับวันที่เขาทั้งสองจะได้พบกันอีก"ในคืนที่เจ็ดของเดือนที่เจ็ด นก Kasasagi จะเรียงตัวกัน สร้างเป็นสะพานสวรรค์ ให้คู่รักได้มาพบกัน."



ตำนานยังบอกต่อไปอีกว่า ถ้าวันที่เจ็ด เดือนเจ็ดของปีไหน ฝนตกละก็ ไม่เพียงแต่หนุ่มสาวที่รอฉลอง Tanavata บนโลกจะผิดหวังแล้ว หญิงทอผ้า กับชายเลี้ยงวัวก็จะผิดหวังด้วย เพราะทั้งสองต้องรอจนถึงปีถัดไป เพื่อที่จะมีโอกาสพบกันอีก



การฉลอง Tanabata นี้เริ่มในศตวรรษที่ 9 หรือที่ 10 แต่ไม่ได้รับความนิยมจนถึงสมัย Tokugawa (ค.ศ. 1603-1837) ที่ชาวบ้านโตเกียว เริ่มฉลอง Tanabata กัน ดาวคนเลี้ยงวัวเป็นตัวแทนของ พรสวรรค์ด้านศิลปะ ส่วน ดาวหญิงทอผ้าเป็นตัวแทนของ ความสูงศักดิ์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา ชาวญี่ปุ่นก็เริ่มเขียนกลอนไปไว้บนต้นไผ่ เพราะว่าต้นไผ่ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในยุคนั้น ส่วนของที่แขวนบนต้นไผ่ก็จะมี กระดาษที่ใช้อธิฐานที่เรียกว่า tanzaku จะตัดเป็นรูปกิโมโนสำหรับเจ้าหญิงทอผ้า กับด้ายห้าสี สำหรับชายเลี้ยงวัว พอแขวนจนพอใจแล้ว ก็จะนำต้นไผ่นั้นไปลอยแม่น้ำ



เทศกาลนี้จะว่าไปก็เป็นการฉลองวันแรกของการเพาะปลูกของญี่ปุ่นนั่นเอง ผู้คนจะอธิฐานขอให้การเพาะปลูกได้ผลดีจากเทพวัว และขอให้สามารถทอผ้าได้เก่งจากเทพ ทอผ้า ในปัจจุบัน พอพูดถึง Tanabata คนญี่ปุ่นจะนึกถึง วันหยุดของเด็กๆ การประดับต้นไผ่ เปรียบเหมือนกับการตกแต่งต้น Christmas ของฝรั่งนั่นเอง

เทศกาลกิออน (Gion Matsuri)


เทศกาลกิออนเป็นเทศกาลของชาวบ้านในเมืองเกียวโต ชาวบ้านทุกคนมาร่วมกันจัดงาน จึงไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมาย เป็นเทศกาลเฮฮา เสียงดัง และมีเครื่องดนตรีบรรเลงเพลงพื้นเมืองของเกียวโตด้วย ซึ่งต่างกับ Aoi Matsuri  เพราะ Aoi เป็นเทศกาลที่เกี่ยวข้องกับพระราชสำนักจึงเป็นระเบียบเรียบร้อย


เทศกาลกิออน เริ่มจัดครั้งแรกในปีค.ศ. 869 (1,140ปีมาแล้ว)โดยเดิมทีทำเพื่อบูชาเทพเจ้าให้ช่วยหยุดโรคระบาดที่กำลังเกิดในตอนนั้นซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า... ในขณะนั้นเมืองเฮอันเคียว(ชื่อเดิมของเมืองเกียวโต ) ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่(ได้ย้ายมาจากนาราตามประวัติศาสตร์) ได้เกิดโรคระบาดขึ้น เชื่อกันว่าเนื่องจากเทพเจ้า Gozu ทรงพิโรจ โกรธกริ้ว สมเด็จพระจักรพรรดิในขณะนั้นจึงได้เดินทางไปขอพรกับเทพ Susano-onomikoto ที่ศาลเจ้ากิออน ปัจจุบันชื่อศาลเจ้ายาซากะ ( Yasaka Shrine)


โดยงานเทศกาลกิออนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม และมีไปตลอดทั้งเดือนของทุกปี โดยพิธีสำคัญจะมีในวันที่ 14-16 เรียกว่า Yoiyama จะมีเทศกาลออกร้านเหมือนงานวัดเลย และในคืนวันที่16 จะปิดถนน และนำเอา Yama-boko Junko รถขบวนที่จะแห่ในวันที่ 17 มาตั้งโชว์ เปิดให้คนเดินเข้าไปดูข้างในได้ บางหลังก็จะเอาสมบัติเก่าต่างๆ ออกมาโชว์ให้ได้ดูกัน และวันที่สำคัญที่มีผู้เข้าร่วมงานมากมายเกิน1แสนคนเพื่อชมขบวนแห่ในวันที่ 17 ซึ่งเรียกพิธีในวันนี้ว่า Yamahoko-junkou

ฤดูใบไม้ผลิ
เทศกาลฮินะ (Hina Matsuri) หรือฮินะ มัตสุริ


เทศกาลนี้จะมีการจัดขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม เป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยเอโดะ Edo (1603-1867) เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองของเด็กผู้หญิงในประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการตกแต่งตุ๊กตาญี่ปุ่น ที่สวยงามหลายตัวบนชั้นวาง ที่ตั้งอยู่ภายในบ้าน ตามความเชื่อที่ว่า จะทำให้ลูกสาวมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข บางครั้งเรียกเทศกาลนี้ว่า เทศกาลเด็กผู้หญิง (Girl's Festival) ชาวญี่ปุ่นรับเทศกาลนี้มาจากธรรมเนียมจีน ตามความเชื่อว่า จะสามารถขจัดเคราะห์ร้าย ให้ไปกับตุ๊กตาได้ โดยปล่อยตุ๊กตาลอยไปกับแม่น้ำ ส่วนในประเทศญี่ปุ่น จะถือว่าเป็นเทศกาลของการอธิษฐานให้ลูกสาวมีความสุข ขจัดพลังชั่วร้ายออกไปจากชีวิต ประสบความสำเร็จ สุขภาพร่างกายแข็งแรง และสวย


เด็กผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่เทศกาลฮินะครั้งแรก จะถูกเรียกว่า "ฮัตสุ เซกุ" (hatzu-zekku) โดยจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ย่าหรือยาย เพราะพวกเธอจะซื้อตุ๊กตามาจัดโชว์ให้กับหลานสาว เริ่มนำตุ๊กตามาทำความสะอาดตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ จนกระทั่งเมื่อถึงวันที่ 3 มีนาคม ก็จะนำตุ๊กตาฮินะหรือ ฮินะนิงโย (hinaningyo) มาตั้งโชว์ ซึ่งเป็นตุ๊กตาที่ทำด้วยมือแบบดั้งเดิม วางไว้บนชั้นปกติจะมีทั้งหมด 7 ชั้น รอบๆ ชั้นจะประดับด้วยเครื่องบูชา เช่น ดอกพีช ข้าว เค้ก และเค้ก ที่ทำจากข้าวรูปร่างคล้ายเพชร ซึ่งเรียกว่าฮิชิโมกิ (hishimochi) รวมไปถึงสาเกขาว และคิราชิซูชิ (chirashi sushi) ตุ๊กตาที่ส่วนใหญ่จะต้องนำมาวางในชั้น คือ ตุ๊กตา เจ้าชายโอไดริ-ซามะ (Odairi-sama) และเจ้าหญิงโอฮินะ-ซามะ (Ohina-sama) ซึ่งตุ๊กตาทั้งสองตัวนี้ จะถูกวางไว้บนสุดของชั้นวาง รายล้อมไปด้วยข้าราชบริพาร และเครื่องตกแต่งชิ้นเล็กๆ โดยฉากหลังของชั้น จะประดับด้วยฉากที่เป็นสีทอง ให้เหมือนกับคฤหาสน์จำลอง


ว่ากันว่าจำนวนชั้นจะมากหรือน้อยนั้น ก็เป็นการแสดงถึงฐานะของแต่ละบ้าน ซึ่งระดับจะสูงสุดที่ประมาณ 7 ขั้น จำนวนตุ๊กตาและการตกแต่งจัดเครื่องแต่งกายให้กับตุ๊กตาก็เป็นการแสดงออกถึง ฐานะเช่นกัน โดยทั่วไปในหนึ่งเซทจะมีประมาณ 15 ตัว เป็นตุ๊กตาชาววังที่เริ่มตั้งแต่ จักรพรรดิ จักรพรรดินี เจ้าชาย เจ้าหญิง ผู้รับใช้ ฯลฯ ลดหลั่นกันลงมาตามลำดับ


ในยุคแรกๆ การตั้งตุ๊กตาเป็นประเพณีของผู้มีอันจะกิน หลักๆ จะเป็นตุ๊กตาเจ้าชายและเจ้าหญิง โดยในสมัยโบราณนั้นจะมีการจัดทำตุ๊กตาฮินะขึ้นจากวัสดุพวกไม้กระดาษที่ทำ ขึ้นมาอย่างง่ายๆ แล้วนำไปใส่กระด้งเล็กๆ ลอยแม่น้ำหรือทะเลเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ภาวนาให้ลูกสาวของบ้านนั้นเติบโตขึ้นโดยมีสุขภาพแข็งแรง หลังจากนั้นก็ได้รับความนิยมเรื่อยมาจนเกิดเป็นประเพณีของผู้คนทุกฐานะ และเริ่มตกแต่ง ประดับประดา จัดทำเครื่องแต่งกายให้สวยงามมากขึ้น ใช้วัสดุที่ดีอย่างผ้าไหมตัดเป็นเครื่องแต่งกายให้ตุ๊กตาในชุดกิโมโนเต็มยศ แบบโบราณ ซึ่งบางบ้านเป็นตุ๊กตาประจำตระกูลที่สืบทอดต่อๆ กันมาหลายร้อยปี มีการบูชาและถวายเครื่องเซ่นต่างๆ ทั้งขนมหวานที่ชื่อว่า " อาราเร่ " และขนมที่ทำมาจากข้าวเหนียว " คาชิวะ โมจิ " หรืออาจจะเป็นเค้กที่ทำจากข้าว พร้อมเครื่องดื่มพวกเหล้าขาวอย่าง " ชิโรสาเก " และบูชาด้วยดอกไม้อย่างดอกท้อ เทศกาลน่ารักๆ นี้ แต่ละครอบครัวที่มีลูกสาวจะเลี้ยงฉลองพิธีนี้อย่างตั้งใจ มีการดื่มฉลองแสดงความยินดีและอวยพรให้เติบโตอย่างมีความสุข และในปัจจุบันก็เปิดโอกาสให้มีการสังสรรค์กันในกลุ่มเพื่อนๆ เพิ่มขึ้น คืออาจจะชวนกันมาจัดปาร์ตี้กลางแจ้ง ทานอาหารร่วมกันที่บ้าน ซึ่งนับเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่สามารถสร้างรอยยิ้ม สร้างความสุข และสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับคนในครอบครัว


มีความเชื่อกันว่าถ้าบ้านไหนจัดบูชาตุ๊กตาในวันที่ 3 มีนาคมแล้วนั้น หากพ้นวันนี้ไปแล้วต้องรีบเก็บตุ๊กตาทันที เพราะหากประดับทิ้งไว้นานๆ จะทำให้ลูกสาวขึ้นคานได้ แต่ก็มีอีกความเชื่อหนึ่งที่กล่าวว่า จะตั้งตุ๊กตาฮินะประดับไว้จนถึงวันเด็กผู้ชายในวันที่ 5 พฤษภาคม เพื่อเป็นการฉลองต่อเนื่องกันไปเลย จากนั้นจึงค่อยเก็บให้เรียบร้อยเพื่อนำออกมาประดับในปีต่อๆไป

13 ความคิดเห็น:

  1. เทศกาลทานาบะตะ
    นี่ที่มาเศร้าจังเลยเนอะ
    ปีนึงเจอกันได้แค่วันที่7 เดือน 7

    แต่ถึงยังไงญี่ปุ่นก็น่าเที่ยวเสมอเนอะ
    ว่ามั้ย

    ตอบลบ
  2. เทศกาลแปลกท้างน๊านเรย

    เทศกาล ฮินะ อไลเนี่ย!!

    ตอบลบ
  3. โหยยยยยยยย
    ทานาบาตะ นี้น่าสงงสารอะ
    เจอกันได้แค่ปีละครังเองอะ

    ตอบลบ
  4. อยากได้ตุ๊กตาอะ
    น่ารักม๊ากมากกกกกกกกกก

    ตอบลบ
  5. โห

    แล้วอย่างนี้ควรจะตั้งทิ้งไว้นานๆ

    หรือจะรีบเก็บดีเนี่ย

    ???

    ไม่รู้แบบไหนดีกว่า

    แต่เค้าว่ารีบเก็บดีกว่านะ

    กลัวขึ้นคาน

    ตอบลบ
  6. ที่มาของเทศกาลทานาบะตะเศร้าจัง
    ถ้าฝนตกก้อต้องรอปีถัดไปอีก
    ขนาดเจอกันแค่ปีละครั้งเอง

    ตอบลบ
  7. วันที่ 5 พฤษภาคม นี่วันเด็กผู้ชายหรอ
    เพิ่งรู้นะเนี่ย
    ขอบใจนะ

    ตอบลบ
  8. ชอบตุ๊กตาฮินะ สวยมากในเรื่องโคนันมีตอนที่เกี่ยวกับ ฮินะด้วย

    ตอบลบ
  9. น่าสงสารจริงๆ


    กว่าจะได้เจอกัน


    แต่ความรักของทั้งสองรักกันมากเลยนะ

    ตอบลบ
  10. อยากจัดตุ๊กตาอ่า
    น่าหนุกดี

    ตอบลบ
  11. เทศกาลทานาบะตะที่มาเศร้าอ่ะ
    T_T

    ตอบลบ