เทศกาลทานาบะตะ (Tanabata Festival)
วันที่ 7 เดือน 7 เป็นวันของเทศกาล ทานาบาตะ หรือ TANABATA หรือจะเรียกว่าการเฉลิมฉลอง Hoshi (ดาว) ทานาบาตะ Tanabata ( Seven Evening) เทศกาลของ หญิงทอผ้ากับชาย เลี้ยงวัว เป็นเรื่องที่ญี่ปุ่นเอามาจากจีน เรื่องเล่านี้มีมาตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ถังในประเทศจีน (ค.ศ. 618-906) เป็นเรื่องของดาวสองดวง คือ Orihime ( Weaves cloths) กับ Hikohoshi ( who breeds cattle in the heaven ) เป็นวันที่ดาวที่สว่างที่สุดสองดวงนี้จะมาพบกัน ปกติดาวทั้งสองจะอยู่คนละฝากของทางช้างเผือก มันจะมาใกล้กันที่สุดก็คือในคืนวัน Tanabata นี่แหละ
เรื่องเล่าก็มีอยู่ว่า ...นานมาแล้ว มี Emperor ที่มีลูกสาวอยู่คนนึงที่ชื่อว่า Orihime หรือเจ้าหญิงทอผ้านั่นแหละ ทั้งสองอาศัยอยู่ในปราสาทบนฝั่งตะวันออกของทางช้างเผือก หรือแม่น้ำแห่งสวรรค์ เจ้าหญิง Orihime ใช้เวลาของเธอไปกับการทอผ้าให้กับพระบิดา จึงถูกเรียกว่า The Weaver หรือสาวทอผ้าEmperor ได้ข่าวว่าที่อีกฝากของทางช้างเผือกมีชายหนุ่มที่กล้าหาญและหล่อเหลาที่ชื่อว่า Hikohoshiอาศัยอยู่ จึงอยากให้บุตรีของตนได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้นี้ยิ่งนัก Emperor จึงได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน เมื่อทั้งสองได้พบกัน เขาทั้งสองก็รักกันเข้า สมใจ Emperor แต่ติดปัญหาอยู่ที่ เจ้าหญิงรัก ชายหนุ่มมากซะจนไม่เป็นอันทอผ้า Emperor โกรธยิ่งนัก จึงไม่อนุญาติให้ทั้งสองพบกันอีก ทั้งสองจะพบกันได้ก็แต่เพียงในคืนของวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปีเท่านั้น ชายหนุ่มและหญิงสาว เศร้ามาก ได้แต่คอยนับวันที่เขาทั้งสองจะได้พบกันอีก"ในคืนที่เจ็ดของเดือนที่เจ็ด นก Kasasagi จะเรียงตัวกัน สร้างเป็นสะพานสวรรค์ ให้คู่รักได้มาพบกัน."
ตำนานยังบอกต่อไปอีกว่า ถ้าวันที่เจ็ด เดือนเจ็ดของปีไหน ฝนตกละก็ ไม่เพียงแต่หนุ่มสาวที่รอฉลอง Tanavata บนโลกจะผิดหวังแล้ว หญิงทอผ้า กับชายเลี้ยงวัวก็จะผิดหวังด้วย เพราะทั้งสองต้องรอจนถึงปีถัดไป เพื่อที่จะมีโอกาสพบกันอีก
การฉลอง Tanabata นี้เริ่มในศตวรรษที่ 9 หรือที่ 10 แต่ไม่ได้รับความนิยมจนถึงสมัย Tokugawa (ค.ศ. 1603-1837) ที่ชาวบ้านโตเกียว เริ่มฉลอง Tanabata กัน ดาวคนเลี้ยงวัวเป็นตัวแทนของ พรสวรรค์ด้านศิลปะ ส่วน ดาวหญิงทอผ้าเป็นตัวแทนของ ความสูงศักดิ์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา ชาวญี่ปุ่นก็เริ่มเขียนกลอนไปไว้บนต้นไผ่ เพราะว่าต้นไผ่ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในยุคนั้น ส่วนของที่แขวนบนต้นไผ่ก็จะมี กระดาษที่ใช้อธิฐานที่เรียกว่า tanzaku จะตัดเป็นรูปกิโมโนสำหรับเจ้าหญิงทอผ้า กับด้ายห้าสี สำหรับชายเลี้ยงวัว พอแขวนจนพอใจแล้ว ก็จะนำต้นไผ่นั้นไปลอยแม่น้ำ
เทศกาลนี้จะว่าไปก็เป็นการฉลองวันแรกของการเพาะปลูกของญี่ปุ่นนั่นเอง ผู้คนจะอธิฐานขอให้การเพาะปลูกได้ผลดีจากเทพวัว และขอให้สามารถทอผ้าได้เก่งจากเทพ ทอผ้า ในปัจจุบัน พอพูดถึง Tanabata คนญี่ปุ่นจะนึกถึง วันหยุดของเด็กๆ การประดับต้นไผ่ เปรียบเหมือนกับการตกแต่งต้น Christmas ของฝรั่งนั่นเอง
เทศกาลกิออนเป็นเทศกาลของชาวบ้านในเมืองเกียวโต ชาวบ้านทุกคนมาร่วมกันจัดงาน จึงไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมาย เป็นเทศกาลเฮฮา เสียงดัง และมีเครื่องดนตรีบรรเลงเพลงพื้นเมืองของเกียวโตด้วย ซึ่งต่างกับ Aoi Matsuri เพราะ Aoi เป็นเทศกาลที่เกี่ยวข้องกับพระราชสำนักจึงเป็นระเบียบเรียบร้อย
เทศกาลกิออน เริ่มจัดครั้งแรกในปีค.ศ. 869 (1,140ปีมาแล้ว)โดยเดิมทีทำเพื่อบูชาเทพเจ้าให้ช่วยหยุดโรคระบาดที่กำลังเกิดในตอนนั้นซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า... ในขณะนั้นเมืองเฮอันเคียว(ชื่อเดิมของเมืองเกียวโต ) ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่(ได้ย้ายมาจากนาราตามประวัติศาสตร์) ได้เกิดโรคระบาดขึ้น เชื่อกันว่าเนื่องจากเทพเจ้า Gozu ทรงพิโรจ โกรธกริ้ว สมเด็จพระจักรพรรดิในขณะนั้นจึงได้เดินทางไปขอพรกับเทพ Susano-onomikoto ที่ศาลเจ้ากิออน ปัจจุบันชื่อศาลเจ้ายาซากะ ( Yasaka Shrine)
โดยงานเทศกาลกิออนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม และมีไปตลอดทั้งเดือนของทุกปี โดยพิธีสำคัญจะมีในวันที่ 14-16 เรียกว่า Yoiyama จะมีเทศกาลออกร้านเหมือนงานวัดเลย และในคืนวันที่16 จะปิดถนน และนำเอา Yama-boko Junko รถขบวนที่จะแห่ในวันที่ 17 มาตั้งโชว์ เปิดให้คนเดินเข้าไปดูข้างในได้ บางหลังก็จะเอาสมบัติเก่าต่างๆ ออกมาโชว์ให้ได้ดูกัน และวันที่สำคัญที่มีผู้เข้าร่วมงานมากมายเกิน1แสนคนเพื่อชมขบวนแห่ในวันที่ 17 ซึ่งเรียกพิธีในวันนี้ว่า Yamahoko-junkou
ฤดูใบไม้ผลิ
เทศกาลฮินะ (Hina Matsuri) หรือฮินะ มัตสุริ
เทศกาลนี้จะมีการจัดขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม เป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยเอโดะ Edo (1603-1867) เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองของเด็กผู้หญิงในประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการตกแต่งตุ๊กตาญี่ปุ่น ที่สวยงามหลายตัวบนชั้นวาง ที่ตั้งอยู่ภายในบ้าน ตามความเชื่อที่ว่า จะทำให้ลูกสาวมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข บางครั้งเรียกเทศกาลนี้ว่า เทศกาลเด็กผู้หญิง (Girl's Festival) ชาวญี่ปุ่นรับเทศกาลนี้มาจากธรรมเนียมจีน ตามความเชื่อว่า จะสามารถขจัดเคราะห์ร้าย ให้ไปกับตุ๊กตาได้ โดยปล่อยตุ๊กตาลอยไปกับแม่น้ำ ส่วนในประเทศญี่ปุ่น จะถือว่าเป็นเทศกาลของการอธิษฐานให้ลูกสาวมีความสุข ขจัดพลังชั่วร้ายออกไปจากชีวิต ประสบความสำเร็จ สุขภาพร่างกายแข็งแรง และสวย
เด็กผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่เทศกาลฮินะครั้งแรก จะถูกเรียกว่า "ฮัตสุ เซกุ" (hatzu-zekku) โดยจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ย่าหรือยาย เพราะพวกเธอจะซื้อตุ๊กตามาจัดโชว์ให้กับหลานสาว เริ่มนำตุ๊กตามาทำความสะอาดตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ จนกระทั่งเมื่อถึงวันที่ 3 มีนาคม ก็จะนำตุ๊กตาฮินะหรือ ฮินะนิงโย (hinaningyo) มาตั้งโชว์ ซึ่งเป็นตุ๊กตาที่ทำด้วยมือแบบดั้งเดิม วางไว้บนชั้นปกติจะมีทั้งหมด 7 ชั้น รอบๆ ชั้นจะประดับด้วยเครื่องบูชา เช่น ดอกพีช ข้าว เค้ก และเค้ก ที่ทำจากข้าวรูปร่างคล้ายเพชร ซึ่งเรียกว่าฮิชิโมกิ (hishimochi) รวมไปถึงสาเกขาว และคิราชิซูชิ (chirashi sushi) ตุ๊กตาที่ส่วนใหญ่จะต้องนำมาวางในชั้น คือ ตุ๊กตา เจ้าชายโอไดริ-ซามะ (Odairi-sama) และเจ้าหญิงโอฮินะ-ซามะ (Ohina-sama) ซึ่งตุ๊กตาทั้งสองตัวนี้ จะถูกวางไว้บนสุดของชั้นวาง รายล้อมไปด้วยข้าราชบริพาร และเครื่องตกแต่งชิ้นเล็กๆ โดยฉากหลังของชั้น จะประดับด้วยฉากที่เป็นสีทอง ให้เหมือนกับคฤหาสน์จำลอง
ว่ากันว่าจำนวนชั้นจะมากหรือน้อยนั้น ก็เป็นการแสดงถึงฐานะของแต่ละบ้าน ซึ่งระดับจะสูงสุดที่ประมาณ 7 ขั้น จำนวนตุ๊กตาและการตกแต่งจัดเครื่องแต่งกายให้กับตุ๊กตาก็เป็นการแสดงออกถึง ฐานะเช่นกัน โดยทั่วไปในหนึ่งเซทจะมีประมาณ 15 ตัว เป็นตุ๊กตาชาววังที่เริ่มตั้งแต่ จักรพรรดิ จักรพรรดินี เจ้าชาย เจ้าหญิง ผู้รับใช้ ฯลฯ ลดหลั่นกันลงมาตามลำดับ
ในยุคแรกๆ การตั้งตุ๊กตาเป็นประเพณีของผู้มีอันจะกิน หลักๆ จะเป็นตุ๊กตาเจ้าชายและเจ้าหญิง โดยในสมัยโบราณนั้นจะมีการจัดทำตุ๊กตาฮินะขึ้นจากวัสดุพวกไม้กระดาษที่ทำ ขึ้นมาอย่างง่ายๆ แล้วนำไปใส่กระด้งเล็กๆ ลอยแม่น้ำหรือทะเลเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ภาวนาให้ลูกสาวของบ้านนั้นเติบโตขึ้นโดยมีสุขภาพแข็งแรง หลังจากนั้นก็ได้รับความนิยมเรื่อยมาจนเกิดเป็นประเพณีของผู้คนทุกฐานะ และเริ่มตกแต่ง ประดับประดา จัดทำเครื่องแต่งกายให้สวยงามมากขึ้น ใช้วัสดุที่ดีอย่างผ้าไหมตัดเป็นเครื่องแต่งกายให้ตุ๊กตาในชุดกิโมโนเต็มยศ แบบโบราณ ซึ่งบางบ้านเป็นตุ๊กตาประจำตระกูลที่สืบทอดต่อๆ กันมาหลายร้อยปี มีการบูชาและถวายเครื่องเซ่นต่างๆ ทั้งขนมหวานที่ชื่อว่า " อาราเร่ " และขนมที่ทำมาจากข้าวเหนียว " คาชิวะ โมจิ " หรืออาจจะเป็นเค้กที่ทำจากข้าว พร้อมเครื่องดื่มพวกเหล้าขาวอย่าง " ชิโรสาเก " และบูชาด้วยดอกไม้อย่างดอกท้อ เทศกาลน่ารักๆ นี้ แต่ละครอบครัวที่มีลูกสาวจะเลี้ยงฉลองพิธีนี้อย่างตั้งใจ มีการดื่มฉลองแสดงความยินดีและอวยพรให้เติบโตอย่างมีความสุข และในปัจจุบันก็เปิดโอกาสให้มีการสังสรรค์กันในกลุ่มเพื่อนๆ เพิ่มขึ้น คืออาจจะชวนกันมาจัดปาร์ตี้กลางแจ้ง ทานอาหารร่วมกันที่บ้าน ซึ่งนับเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่สามารถสร้างรอยยิ้ม สร้างความสุข และสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับคนในครอบครัว
มีความเชื่อกันว่าถ้าบ้านไหนจัดบูชาตุ๊กตาในวันที่ 3 มีนาคมแล้วนั้น หากพ้นวันนี้ไปแล้วต้องรีบเก็บตุ๊กตาทันที เพราะหากประดับทิ้งไว้นานๆ จะทำให้ลูกสาวขึ้นคานได้ แต่ก็มีอีกความเชื่อหนึ่งที่กล่าวว่า จะตั้งตุ๊กตาฮินะประดับไว้จนถึงวันเด็กผู้ชายในวันที่ 5 พฤษภาคม เพื่อเป็นการฉลองต่อเนื่องกันไปเลย จากนั้นจึงค่อยเก็บให้เรียบร้อยเพื่อนำออกมาประดับในปีต่อๆไป
เทศกาลทานาบะตะ
ตอบลบนี่ที่มาเศร้าจังเลยเนอะ
ปีนึงเจอกันได้แค่วันที่7 เดือน 7
แต่ถึงยังไงญี่ปุ่นก็น่าเที่ยวเสมอเนอะ
ว่ามั้ย
เทศกาลแปลกท้างน๊านเรย
ตอบลบเทศกาล ฮินะ อไลเนี่ย!!
โหยยยยยยยย
ตอบลบทานาบาตะ นี้น่าสงงสารอะ
เจอกันได้แค่ปีละครังเองอะ
อยากได้ตุ๊กตาอะ
ตอบลบน่ารักม๊ากมากกกกกกกกกก
มีขบวนแห่ด้วย
ตอบลบO_O!!
โห
ตอบลบแล้วอย่างนี้ควรจะตั้งทิ้งไว้นานๆ
หรือจะรีบเก็บดีเนี่ย
???
ไม่รู้แบบไหนดีกว่า
แต่เค้าว่ารีบเก็บดีกว่านะ
กลัวขึ้นคาน
ที่มาของเทศกาลทานาบะตะเศร้าจัง
ตอบลบถ้าฝนตกก้อต้องรอปีถัดไปอีก
ขนาดเจอกันแค่ปีละครั้งเอง
วันที่ 5 พฤษภาคม นี่วันเด็กผู้ชายหรอ
ตอบลบเพิ่งรู้นะเนี่ย
ขอบใจนะ
ชอบตุ๊กตาฮินะ สวยมากในเรื่องโคนันมีตอนที่เกี่ยวกับ ฮินะด้วย
ตอบลบน่าสงสารจริงๆ
ตอบลบกว่าจะได้เจอกัน
แต่ความรักของทั้งสองรักกันมากเลยนะ
อยากจัดตุ๊กตาอ่า
ตอบลบน่าหนุกดี
เทศกาลทานาบะตะที่มาเศร้าอ่ะ
ตอบลบT_T
เนื้อหาดีจังอ่ะ
ตอบลบ